วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

น้ำที่ไม่เคยเต็มแก้ว...




















เรามักถูกสอนให้มองด้านดีว่า แก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วนั้น
มีน้ำเหลือตั้งครึ่งแก้วมากกว่าที่จะมองว่าน้ำหายไปครึ่งแก้ว
แต่จะมองด้านไหนก็ตามก็ทำให้เราคิดว่าแก้วยังขาดพร่อง
ยังต้องหาน้ำมาเติมให้เต็ม

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราจะรู้สึกว่า เรายังมีไม่พอ ต้องมีนั่น
มีนี่เสียก่อนแล้วเราจะอิ่มจะเต็ม สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยถูกสอนก็คือ
ไม่ว่าเราจะพัฒนาความสามารถ ในการหาเงิน หาของ
หาความรักให้ได้มากสักเท่าไหร่ก็ตาม น้ำในแก้วไม่มีวันเต็ม
เพราะความอยากในใจเราไม่เคยหยุด แก้วของเราก็จะโตขึ้น
ไปเรื่อยๆ ไม่เคยพอ

เมื่อก่อนที่เราคิดว่า ถ้าเรามีเงินล้าน เราจะมีความสุข
พอเรามีเข้าจริงๆปริมาณความต้องการ มาตรฐานการครองชีพ
ความเป็นอยู่ของเราก็โตรุดหน้าไป จนเราต้องหาเพิ่มตลอดเวลา
ซึ่งอย่าว่าแต่คนมีเงิน 10 ล้าน 100 ล้านขนาดคนที่มีเป็นหมื่นล้าน
ยังหาเงินอย่างไม่รู้จักอิ่มรู้จักพอ รวมทั้งคนที่เรารักหนักหนา
ยากลำบากกว่าจะได้มา พออยู่กันไปนานๆ  ใจเราก็เรียกร้อง
มากขึ้นๆ เห็นจุดอ่อนข้อบกพร่อง ไม่อิ่ม ไม่เต็มได้ตลอดเวลา
แก้วน้ำหรือความอยากในใจเราไม่เคยหยุดโตหาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม...

เคล็ดลับของความสุขก็คือ เราพยายามอย่างเต็มที่ในการหาเงิน
หาความรัก เหมือนหาน้ำมาใส่แก้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ
เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับขนาดของแก้วให้พอดีกับน้ำ
ให้ใจเราสามารถที่จะมีความสุขสงบพอใจกับขณะนี้ เดี๋ยวนี้
โดยไม่ต้องรออนาคต***

ถ้าเรามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว แต่เราสามารถลดขนาดของแก้วน้ำลง
จนเหลือเพียง 1 ใน 4 น้ำที่มีครึ่งแก้ว ก็จะล้นมีเกินอยู่อีกเท่าตัว
มีเกินพอสำหรับเรา และ พอที่จะแบ่งให้คนอื่นเมื่อเราเต็ม
เราก็ไม่ต้องไปวิ่งหาน้ำมาเติมอีก มีเวลาเหลือเฟือให้คนที่เรารัก
ให้กับสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเราอย่างแท้จริง

การลดขนาดของแก้วน้ำก็คือ การที่เราหมั่นตามรู้ ตามดูจิตใจ
ความรู้สึก ความคิดของเราแต่และขณะที่เรารู้ทัน ใจเราที่อยากได้
อยากให้คนอื่นคิดให้ถูกใจเรา ทุกขณะที่เรารู้ทัน ความอยากทำงาน
ไม่ได้ เราก็ได้ลดขนาดของแก้วลงทุกขณะที่เรามีความรู้สึกตัว
ชีวิตเราก็จะเป็นแก้วที่อิ่มเต็มพอดี พอเพียงมีความสุขมั่งคง...

อย่าลืมบอกเค้า..


“Time goes by so fast, people go in and out of your life. You must never miss the opportunity to tell these people how much they mean to you.”
"เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีคนมากมายผ่านเข้ามาและจากไปในชีวิตของเรา  ดังนั้นอย่าลืมบอกให้เขารู้ว่า เขามีความหมายกับคุณมากแค่ไหน ก่อนที่เขาจะเป็นอีกคนที่หายไปจากชีวิตของคุณ"
Oil Chayanin...

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

ธรรมะสั้นๆ 10 ข้อ


















ธรรมะสั้นๆ 10 ข้อ

  1. ศีลไม่ได้อยู่ที่พระ ธรรมะไม่ได้อยู่ที่วัด เงินไม่ได้อยู่ที่เศรษฐี แต่ศีลอยู่ที่กายใจของเรา ธรรมะอยู่ที่สติ และเงินอยู่ทุกที่ที่มีความขยัน
  2. โลกเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่า เราใส่แว่นตาสีอะไรมองโลก หากมองโลกดี ชีวิตจะมีแต่สิ่งรื่นรมย์ หากมองโลกร้าย ชีวิตจะมีแต่วุ่นวายและทุกข์ระทม
  3. จงดึงเอาความรู้สึกผิดที่เรามี มาเป็นแรงบันดาลใจให้ทำดียิ่งๆ ขึ้น อย่าจมอยู่กับอดีต มีแต่การสร้างตัวเองใหม่เท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากความรู้สึกผิด
  4. ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับความมี แต่อยู่ที่เราค้นพบว่า อะไรคือแก่นแท้ของชีวิต แล้วอยู่กับสิ่งนั้นด้วยความรัก คนนั้นก็คือคนมีความสุข
  5. ยามใดที่ชีวิตพบกับความทุกข์ หากไม่มัวแต่เป็นทุกข์ ทว่าเรียนรู้ที่จะมองดูความทุกข์อย่างมีสติ อย่างแยบคาย* อย่างเป็นผู้ดู* ไม่ได้เป็นผู้เป็น* ความทุกข์ก็จะทอประกายแห่งความสุขออกมาให้เห็น
  6. ในเมื่อไม่มีสิ่งที่เราชอบ เราก็ควรชอบสิ่งที่เรามี เพราะในโลกนี้ไม่มีใครได้ทุกสิ่งอย่างใจหวัง และจะไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำ มีแง่ดีแง่งามอยู่เสมอ ขอให้เรามองให้เห็น ถ้ามองเห็น เราก็จะเป็นสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
  7. ในโลกแห่งความเป็นจริง คนทุกคนก็เป็นครูได้ คนเก่ง ไม่เก่ง ฉลาดรู้หนังสือ ไม่รู้หนังสือ ยากดีมีจน สัตว์ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เหตุการณ์ ดิน ฟ้า อากาศ ความผิดหวัง ความสมหวัง ความรัก ความชัง ฯลฯ เหล่านี้ คือ ครูในมหาวิทยาลัยชีวิต ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ ศึกษากันไปอย่างไม่มีวันจบ
  8. อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง เพราะไม่เพียงแต่ มันจะทำให้เราเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของเราด้วย
  9. เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ควรทุกข์ แต่พอเราไม่ยอมปล่อยวาง ทุกข์ก็รุกคืบเข้ามา เรื่องบางเรื่องใครต่อใครก็เห็นอยู่ว่า ทุกข์หนักหนาสาหัส แต่สำหรับคนที่ปล่อยวางเป็น ก็เป็นสุข คือ ความสุขหรือความทุกข์ บางครั้งอยู่ที่ “ท่าที” ในการเผชิญของเราเป็นสำคัญ ถ้า “รู้เท่าทัน” สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีสติ ทุกข์อาจกลายเป็นสุข, ปัญหาอาจกลายเป็นปัญญา, วิกฤติอาจถูกแปรเป็นโอกาส
  10. ความล้มเหลวเป็นส่วนผสมของชีวิตซึ่งขาดไม่ได้ คนที่ไม่เคยล้มเหลวคือคนที่ไม่เคยทำอะไร ด้วยข้อเท็จจริงเช่นนี้ คนที่กำลังคิดการใหญ่ทุกคนจึงมองความล้มเหลวด้วยสายตาที่เป็นบวก เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่า ความล้มเหลวเป็นฝาแฝดกับความสำเร็จ
  *** "แยบคาย" หมายถึง  เข้าท่า เข้าที เหมาะกับเหตุผล
  *** "ผู้ดู ผู้เป็น" http://www.dhammajak.net/book-kumkein/3.html

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประโยคเด็ด โดนใจ... จากคลับฟรายเดย์

















ประโยคเด็ด โดนใจ... จากคลับฟรายเดย์

1. คนที่พยายามเข้มแข็งทั้งที่ยังอ่อนแอ มักจะได้แผลที่ใหญ่กว่าเดิม
2. อยู่กับความจริง ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเห็น อย่ามองแค่สิ่งที่เราอยากมอง อย่าฟังแต่สิ่งที่เราอยากฟัง
3. จบแบบเจ็บ ๆ ดีกว่า เจ็บแบบไม่มีวันจบ
4. ก่อนจะมีรัก ให้เชี่ยวชาญการเป็นโสดเสียก่อน..
5. ไม่รักก็อย่ากั๊กไว้ ... ถ้าไม่ใส่ใจก็อย่าให้ความหวัง
6. หลาย ๆ ครั้ง เรามองข้ามคนใกล้ ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ...!!!... เค้าหายไป ถึงได้รู้ว่า ที่ผ่านมาเราน่าอิจฉาแค่ไหน..ที่ได้หัวใจเค้ามา...
7. บางครั้งเราเลือกจำ และฟังในสิ่งที่เราอยากให้เป็น
8. บางสิ่งมีค่าพอให้หยุดมอง แต่ไม่มีค่าพอให้ย้อนเดินกลับไป
9. ความรักไม่ใช่ถั่วงอก ... ที่เพาะไม่กี่วันก็กินได้..
10. ได้ยินคำเลว ๆ จากคนที่รัก ดีกว่าได้ยินคำว่ารักจากคนเลว ๆ
11. อยากได้แต่ไม่กล้าขอ อยากรอแต่ไม่กล้าหวัง ...ไม่มีใครไม่เคยเป็น..
12. บางคนขาดเค้าก็กลัวเหงา ลืมดูไปว่าบ่อยครั้งอยู่ใกล้เค้ากลับเหงากว่า..
13. ความรักไม่ใช่รางวัลของความดี อย่าคิดว่าหนูทำดีต่อเค้าตลอดแต่ทำไมเค้าไม่รัก เพราะคนดีกับคนที่รักอาจเป็นคนละคน
14. เราเข้าใจผิดว่าเลิกทั้งที่ยังรักกัน จริง ๆ อาจมีแต่ฉันที่รักเธอข้างเดียว
15. เจอฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน ไม่นานมันก็ต้องผ่านไป แต่ฤดูอกหัก คิดถึงทีไร แย่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
16. บางสถานการณ์ ความอดทนอาจจะให้ผลตรงกันข้าม ยิ่งอดทน ยิ่งแพ้หรือเปล่า ไม่ทนเสียบ้าง บางทีชีวิตอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่
17. คนบางคนก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าจะเห็นแก่เรา อย่ามัวถามว่าทำไมต้องใจร้ายกับเราในวันที่เค้าอยากไปกับคนอื่นแล้ว
18. มีบางคนบอกว่า ชีวิตนี้ไม่บอกเลิกใคร...ฟังดูดี....แต่การไม่บอกเลิกใคร เขาแค่ไม่พูด แต่เขา ทำ ..
19. สุขทุกข์ต่างกันที่วิธีคิด แค่อย่าไปยึดติดอยู่กับความรู้สึก
20. การถอนหายใจ ไม่ได้แปลว่าหมดกำลังใจ แต่มันหมายถึงการพ่นเอาความเศร้าเล็ก ๆ ออกจากความคิด..
21. ถ้าคุณเจอคนที่รู้สึกว่า "ใช่" อย่าเพิ่งรีบใส่คำว่า "รัก"
22. บางคนอยู่สวย ๆ บนหิ้ง เค้าไม่ทิ้งแต่ก็ไม่ดูแล....
23. คนไหนเป็นของเรา จะเหวี่ยงกันไปไกลแค่ไหนก็เป็นของเรา แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้พยายามแทบตาย ก็ไม่ได้ใกล้กันซักที
24. ความรู้สึกดี ๆ ที่มอบให้ ถ้าเขาไม่อยากได้ ,, ก็เอามาใช้เองสิ จะไปยากอะไร
25. บางคู่สมกันจริง ๆ คนหนึ่งทำร้ายจิตใจอยู่นั่น อีกคนให้อภัยอยู่นั่น
26. อะไรอยู่ใกล้ไปดูไม่สำคัญ ตัวเราอยู่กับเราตั้งแต่เกิดกลับให้คุณค่าคนอื่นมากกว่าจนมองข้ามตัวเอง
27. "เหตุการณ์" ไม่ได้ซ้ำเติมเรา แต่ "วิธีคิดของเรา" ซ้ำเติมตัวเอง..
28. องค์ประกอบหนึ่งของความรักคือความใส่ใจ ถ้าส่วนนี้หายไปยังจะเรียกว่า "รัก" อยู่หรือเปล่า??
29. เป็นแฟนไม่ได้...บางทีก็ยากทำใจจะให้เป็นเพื่อน เธอคงหาว่าฉันใจแคบ ...เอ้าาา แคบ ก็ แคบ ถ้าไม่แคบจะมีเธอยู่ในนั้นได้เพียงคนเดียวหรือ???
30. เธอเคยฝืนใจรับใบปลิวที่แจกตามหน้าห้างสรรพสินค้า เพราะเกรงใจคนแจกมัน และบางทีอาจมีคนรับความรักของเธอไป เพราะเหตุผลอย่างเดียวกัน สุดท้าย...เขาก็ทิ้งมัน เหมือนกับที่เธอทิ้งใบปลิวนั่นแหละ
31. บางที มันเป็นเส้นบาง ๆ ระหว่าง "เจ้ากรรมนายเวร" กับ "สามี"
32. บางทีการที่มีคน ๆ หนึ่งบอกเราว่า "เคยรักนะ แต่วันนี้ไม่รักอีกแล้ว" มันยังเข้าใจได้มากกว่า ที่จะบอกว่า "เธอดีเกินไป" / "ฉันอยากอยู่คนเดียว"...ทำไม รู้สึกตัวตอนนี้หละ ทีตอนนั้น ไม่เห็นอยากอยู่คนเดียวเลย..
33. การคบใครที่ดีที่สุดให้ชีวิตไม่ได้แปลว่าคบหลายๆคน แล้วค่อยเลือกให้เหลือคนเดียว เพราะถ้าเกิดเราโดนทำแบบนี้บ้างเราคงไม่ชอบเหมือนกัน
34. คนสองคนไม่ต้องรักมาก ขออย่าเข้าใจกันยากก็พอ..
35. คำ..."อธิบาย"ชอบเอามาใช้ในวันที่ไร้ประโยชน์

คำ..."ขอโทษ" ชอบเอามาใช้ในวันที่....สาย
คำว่า..."รัก "ชอบเอามาพูดกั๊ก...ตอนมัน"เสียดาย"
และคำพูด....อีกมากมาย ที่เอามาล่อให้กลับไป อยู่ในคอกควายเช่นเดิม!!

ที่มา : www.pantip.com/cafe/woman/

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

FOOD FOR THOUGHT / in Thai and Chinese




เปิดแอร์แล้วเปิดพัดลม ช่วยประหยัดไฟได้จริงหรือ???


เปิดแอร์แล้วช่วยเปิดพัดลมด้วยครับ
แม่ผมบ่นเป็นประจำว่า บ้านเราไม่ได้รวยนะ เปิดแอร์แล้วทำไมไม่ปิดพัดลม ..
ทำให้ต้องอธิบายกันยกใหญ่ ไม่ได้พิมพ์ผิดด้วย
เปิดแอร์แล้วรบกวนช่วยเปิดพัดลมด้วยครับ ที่พูดเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลรองรับ
ซึ่งอธิบายคร่าวๆ ได้ดังนี้ครับ

สภาวะความสบายของคนไทยอยู่ที่อุณหภูมิ  22-29 องศาเซนเซียส และ
ความชื้นสัมพัทธ์ 20-75 %
ตอนนี้เห็นรณรงค์ให้ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศกันที่ 25
องศาเซนเซียสซึ่งถือว่าดีครับ ไม่ร้อนไปไม่หนาวไป ส่วนความชื้นสัมพัทธ์
ถ้าน้อยเกินไปท่านจะรู้สึกว่าจมูกแห้ง ถ้ามากเกินไป ( จะรู้สึกเวลาฝนตก)
จะรู้สึกร้อนครับเพราะเหงื่อจะออกได้ยากเนื่องจากมีความชื้นในอากาศสูง
ดังนั้นเครื่องปรับอากาศที่ดี จะต้องทำ 2 หน้าที่เป็นอย่างน้อย
คือควบคุมอุณหภูมิ และรักษาระดับความชื้นสัมพัทธ์ได้ดีด้วย
ส่วนแรงลมที่ปะทะตัวเรา จะรู้สึกสบายที่ ความเร็วลมประมาณ 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง
( เปรียบเทียบได้กับการเปิดพัดลมเบอร์ 3 ห่าง 3 เมตรครับ)
ที่สำคัญที่ความเร็วลมระดับนี้ จะทำให้เรารู้สึกเย็นลง 2 องศาเซนเซียสครับ

เอาล่ะครับ .. ทีนี้เข้าเรื่องของเราแล้วนะครับ ..
การคิดค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้าจะคิดเป็นยูนิต ( unit) ครับ

โดย ปริมาณ unit = กำลังไฟฟ้า(วัตต์)/ 1000xh( ชั่วโมงที่ใช้งาน)
( กำลังไฟฟ้า(วัตต์)/ 1000 ก็คือ 1 กิโลวัตต์ครับ มีค่าเท่ากับ 1 unit)
กำลังไฟฟ้าดูได้จากคู่มือของเครื่องใช้ไฟฟ้าครับ
แต่หากในคู่มือไม่ได้บอกกำลังไฟฟ้า
ก็มักจะบอกเป็นแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้ามาแทนครับ
คิดได้จากสูตรการคิดกำลังไฟฟ้าครับ
กำลังไฟฟ้า  = volt( แรงดัน) x amp( กระแส)
ทีนี้เราลองมาคำนวณกันเล่นๆครับ สมมติ
แอร์ 1 ตัว ใช้ไฟ 1320 วัตต์   เปิดวันละ 8 ชั่วโมง
ทำงานจริง 6 ชั่วโมง

( ปกติแอร์จะหยุดทำงานเมื่อได้อุณหภูมิที่ต้องการ) จะต้องใช้ไฟฟ้าวันละ 1320 / 1000 x 6 = 7.92 unit
{ จากสูตร กำลังไฟฟ้า(วัตต์)/ 1000xh( ชั่วโมงที่ใช้งาน)  }

ตั้งอุณหภูมิสูงขึ้น 2 องศา เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง หนึ่งชั่วโมง
1320 /1000 x 5 = 6.60 unit
ลดการใช้พลังงานได้วันละ 1.32 unit คิดเป็นเดือนละ 39.6 unit
( ค่าไฟฟ้า 2.54 บาท ต่อ ยูนิต) ประหยัดได้เดือนละ 100 บาท
พัดลม 1 ตัว ใช้ไฟฟ้า 40 วัตต์   เปิดวันละ 8 ชั่วโมง
จะต้องใช้ไฟฟ้าวันละ 40/1000 x 8 = 0.32 unit

คิดเป็นเดือนละ 9.6 unit
จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้า เดือนละ 24.3 บาท 
สรุปรวมแล้ว ท่านช่วยชาติประหยัดพลังงานไปเดือนละ 30 unit และ
ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เดือนละ 75 บาทครับ

ดังนั้นท่านอาจจะตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 27 องศาเซนเซียส
แล้วเปิดพัดลมเบาๆ ไปพร้อมๆกัน ท่านจะรู้สึกเหมือนกับอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิ
25 องศาเซนเซียส และน่าจะสบายกว่าเปิดแอร์อย่างเดียวด้วย
เพราะมีลมเบาๆเข้าปะทะร่างกายอยู่ตลอด
ทั้งยังจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากทีเดียว....


วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไม่สำคัญ....


ไม่สำคัญว่า... คุณขับรถยี่ห้ออะไร ?
สำคัญว่า... คุณเคยให้คนที่ไม่มีรถ "นั่ง" มาด้วยกี่ครั้ง

ไม่สำคัญว่า... คุณทำงานล่วงเวลามากขนาดไหน ?
สำคัญว่า... คุณให้ "เวลา" แก่ครอบครัว และคนที่รักมากแค่ไหน

ไม่สำคัญว่า... คุณมีเสื้อผ้าทันสมัยกี่ชุดในตู้ ?
สำคัญว่า... คุณเคยให้เสื้อผ้าแก่คนที่ "ขาดแคลน" ใส่กี่ชุด

ไม่สำคัญว่า... คุณมีฐานะอะไรในสังคม ?
สำคัญว่า... คุณ "วางตัว" ในระดับไหน

ไม่สำคัญว่า... คุณมีทรัพย์มากเท่าไหร่ ?
สำคัญว่า... สิ่งที่คุณมี มันมี "อำนาจ" ชี้ขาดชีวิตคุณแค่ไหน

ไม่สำคัญว่า... เงินเดือนสูงสุดของคุณเท่าไร ?
สำคัญว่า... คุณต้องสละ "อุดมการณ์" เพื่อได้มันมาหรือไม่

ไม่สำคัญว่า... คุณได้เลื่อนขั้นกี่ขั้นแล้ว ?
สำคัญว่า... คุณเคย "สนับสนุน" ใครให้ได้เลื่อนขั้นบ้าง

ไม่สำคัญว่า... คุณมีตำแหน่งการงานอะไร ?
สำคัญว่า... คุณทำงานสุด "ความสามารถ" หรือไม่

ไม่สำคัญว่า... คุณมีเพื่อนกี่คน ?
สำคัญว่า... คุณเป็น "เพื่อนแท้" กับใครบ้าง

ไม่สำคัญว่า... คุณเรียกร้องและปกป้องสิทธิของตัวเองอย่างไร ?
สำคัญว่า... คุณทำอะไรเพื่อ "ช่วยและปกป้อง" สิทธิคนอื่น

ไม่สำคัญว่า... สิ่งที่คุณทำสอดคล้องกับคำพูดของคุณกี่ครั้ง ?
สำคัญว่า... มีกี่ครั้งที่คำพูดของคุณ "ไม่สอดคล้อง" กับการกระทำ... 


โลกของเรา ใหญ่ขนาดไหนกันเชียว?



โลกของเรา ใหญ่ขนาดไหนกันเชียว?....ไปดูที่นี่เลยครับ...


คุณเป็นโรคนี้หรือเปล่า





ความสำคัญของ "กระดุมเม็ดแรก"




ความสำคัญของ "กระดุมเม็ดแรก"

เคยไหมที่คุณตื่นนอนยามเช้า ครึ่งหลับครึ่งตื่น สวมเสื้อราวกับคนไร้วิญญาณ เมื่อกลัดกระดุมเสร็จแล้วก็พบว่า ชายเสื้อทั้งสองข้างไม่เท่ากัน คุณกลัดกระดุมผิดทั้งแถว! มันเริ่มจากการที่คุณไม่รู้ว่า คุณกลัดเม็ดแรกผิด แล้วกลัดต่อไปทีละเม็ดอย่างถูกต้อง  เมื่อกลัดกระดุมเสร็จสิ้น ก็ผิดทั้งหมด
- ในตัวอย่างนี้ ความไม่รู้ทำให้คุณ 'กลัดกระดุม' ผิดทั้งแถว!

เคยไหมที่คุณเก็บเนื้อในตู้เย็นนานข้ามปี จนเนื้อหมดอายุ แต่ไม่ยอมทิ้ง  เพราะเป็นเนื้อจากต่างประเทศ ราคาแพง คุณปรุงอาหารจนเสร็จ เมื่อกินแล้วไม่อร่อยหรืออาหารเป็นพิษ
- ในตัวอย่างนี้ ความเสียดายทำให้คุณ 'กลัดกระดุม' ต่อไป ทั้งที่รู้ว่าเม็ดแรกผิดรู!

เคยไหมที่คุณสมัครเรียนสายวิชาที่คุณไม่ชอบ ไม่ว่าเพราะพ่อแม่บังคับ หรือไม่รู้จะเรียนอะไรนอกเหนือจากสายนั้น คุณสอบได้ ลงทะเบียน เรียนผ่านไปทีละเทอม ทีละปี จนจบ คุณได้รับปริญญาบัตร  หางานที่เกี่ยวข้องกับสายวิชาที่ร่ำเรียนมา แล้วทำงานไปทีละวันๆ ทีละเดือนๆ ทีละปีๆ จนวันหนึ่งคุณก็หมดแรง  และยอมรับว่าคุณ 'กลัดกระดุม' ผิดมาตั้งแต่เม็ดแรก
- ในตัวอย่างนี้ ความละเลยทำให้คุณดันทุรัง 'กลัดกระดุม' เม็ดต่อไปทั้งที่รู้ดีว่ากลัดเม็ดแรกผิด

กระดุมเม็ดแรกสำคัญอย่างยิ่ง มันเป็นรากฐานของกระดุมเม็ดที่สอง สาม สี่...กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ผิดหมดทั้งแถว ผิดทั้งยวง และอาจจะผิดทั้งชีวิต!  ตึกกรามบ้านช่องไม่ว่าจะออกแบบสวยงามเพียงไร หากคำนวณฐานรากไม่ถูกต้อง วันหนึ่งก็เอียงล้ม  เด็กไม่ว่าฉลาดเพียงไร หากเอาแต่เล่นเกม ดูแต่หนังรุนแรง เอาแต่ใจตัวเอง โตขึ้นก็อาจเป็นปัญหาภาระที่สังคมต้องแบกรับ

ซื้อรองเท้ายี่ห้อดังมาแล้ว ถึงคับก็ทนสวม ไม่นานก็ต้องแก้ปัญหาเรื่องเท้าเจ็บ ....  เพื่อนให้ขนมเค้กจากร้านที่มีชื่อเสียง จะให้คนอื่นก็เสียดาย ... จึงฝืนกินเข้าไปทั้งที่อ้วนอยู่แล้ว ผลที่ตามมาคือร่างกายเสียหาย

คุณอาจยอมปล่อยบางปัญหาไป หลับตาข้างหนึ่งแล้วหวังว่า ปัญหานั้นจะละลายหายไปเอง  แต่ท้ายที่สุดก็ต้องแก้ปัญหานั้นอยู่ดี ทั้งยังต้องจ่ายราคาค่าแก้ปัญหามากกว่าเดิม  ไม่ว่าจะเป็นระดับปัจเจก เช่น การใช้ชีวิต การศึกษา การทำงาน ความรัก  ไปจนถึงระดับมหภาคเช่น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง  ไม่ว่าจะด้วยความไม่รู้ ความปล่อยปละละเลย หรือความเสียดาย หรือเหตุผลใดก็ตาม  หากกลัด 'กระดุม' เม็ดแรกผิด ทุกสิ่งที่ทำถูกต้องหลังจากนั้นจะกลายเป็นผิดไป!

การแก้ปัญหาของการ 'กลัดกระดุมผิดเม็ด' นี้มีทางเดียว  คือ ปลด 'กระดุม' ทั้งหมดออกมาก่อน แล้วกลัดใหม่  การไม่รู้เป็นเรื่องหนึ่ง การรู้แล้วยังทำต่อไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  หลายคนทำงานตามคำสั่งทั้งที่รู้ว่า 'กระดุมเม็ดแรก'  ไม่ตรงรูกระดุมของมัน กว่าจะรู้ตัว ก็กลายเป็นปัญหาลูกโซ่  หลายๆระบบในสังคมเช่น ระบบการเมือง การศึกษา ฯลฯ

ดำเนินมานานปี ทั้งที่เรามองเห็นปัญหา แต่ก็ดำเนินต่อไปทั้งด้วยความไม่รู้ ความเขลา ความปล่อยปละละเลย ด้วยความเชื่ออย่างนกกระจอกเทศว่า มุดหัวลงดินสักพัก เดี๋ยวปัญหาก็หายไป แต่ปัญหาไม่เคยหายไป มีแต่สะสมด้วยดอกเบี้ยทบต้น ยิ่งแก้ไขช้า ราคาแก้ไขยิ่งแพงบางครั้งการตัดใจเข้าห้องผ่าตัดปฏิรูปตัวเองก็เป็นทางแก้ที่ถูกต้อง

ยอมตัดใจตัดวงจรเดิมนั้นทิ้ง แล้วเริ่มต้นใหม่ เพราะความเสียหายในระยะยาวน้อยกว่า ประหยัดเวลาโดยรวมมากกว่า ทุกๆ หลายก้าวที่เดินหน้า เราควรหยุดและทบทวนดู 'กระดุม' ของเรา  หรือของสังคมว่า กลัดถูกรูไหม ถ้าไม่ก็อย่ารอช้า ปลด 'กระดุม' ทั้งหมดออกมาก่อน แล้วกลัดใหม่

วินทร์ เลียววาริณ
22พฤษภาคม 2533

ผู้ทำผิดแล้วไม่แก้ไข กำลังทำผิดอีกครั้งหนึ่ง ... ขงจื๊อ


เมื่อผู้เฒ่า “ลี” สอนวิธีชราอย่างมีคุณภาพ



เมื่อผู้เฒ่า “ลี” สอนวิธีชราอย่างมีคุณภาพ
       
            ลี กวน ยู  แนะนำคนชราแห่งสิงคโปร์ว่า จะต้องไม่แยกตัวเองไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องการมีอะไรมากระตุ้นตลอดเวลา และต้องพบปะผู้คน ต้องคอยติดตามเรื่องราวของสังคมและโลก  “ผมไม่ค่อยชอบเดินทางเท่าไร แต่ผมก็บังคับตัวเองให้ไปโน่นมานี่ในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของหลายบริษัท เช่น ธนาคารและบริษัทน้ำมัน ผมไปจีน ไปอินเดีย...ได้พบปะ ได้ประชุม ได้ฟังคำบรรยายสรุป จะได้รู้ว่าโลกไปถึงไหนแล้ว...มิฉะนั้น ผมว่าเราจะเหี่ยวเฉาแน่หากนั่งนอนอยู่กับบ้านและไม่คบหาผู้คน...”  ลีบอกว่า ที่สำคัญสำหรับคนอายุมากขึ้นคือ ต้องมีความสนใจอะไรเป็นพิเศษ  “ถ้าคุณอายุ 55 และบอกตัวเองว่าจะเกษียณเพื่ออ่านหนังสือ เล่นกอล์ฟ และดื่มไวน์ ผมว่าคุณเสร็จแน่ ๆ เพราะหลังจากสองสามเดือน คุณจะเริ่มเบื่อ ไม่มีอะไรทำ ไม่มีเป้าหมายในชีวิต คุณจะเริ่มเหี่ยวทั้งร่างกายและหัวใจ...” ดังนั้น คำแนะนำจากท่านผู้อาวุโสของสิงคโปร์ก็คือ ต้องหาเรื่องที่ตนเองสนใจมาทำ และต้องหาอะไรท้าทายตัวเองตลอดเวลา

            “ทุกวันนี้ พอใครมาบอกผมว่า อายุ 60 แล้ว กำลังจะเกษียณ  จะไม่ทำอะไรแล้ว ผมถามเขาว่า คุณอยากตายเร็วหรือไง”  แกฝากบอก สว. หรือคนสูงวัยทั้งหลายว่า  “ถ้าคุณต้องการเห็นพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้ คุณต้องหาเหตุผล ต้องมีอะไรมากระตุ้นให้คุณ  ต้องการจะใช้ชีวิตที่สนุกสนานต่อไปเรื่อย ...ไม่ใช่พักผ่อนนอนหลับ   อย่างเดียว... อย่างนี้เท่ากับรอวันตายเท่านั้น

(โดย สุทธิชัย  หยุ่น  ชีพจรสุขภาพ นิตยสาร ชีวจิตรายปักษ์  1 ธันวาคม 2553)

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

๒๐ คำถามกับท่าน ว.วชิรเมธี


บางส่วนจากหนังสือมหัศจรรย์แห่งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี

๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน?
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ

๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง

๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข

๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน
รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน

๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง

๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา

๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้

๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี?
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ

๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา

๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี?
(๑) หางานใหม่
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอดจ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่

๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย

๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาปแทนที่จะไถ่โคกระบือ
คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า

๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน

๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน
ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ

๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
(๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง

๑๖. สวดมนต์บทไหนดี?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า
จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้
คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี?
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส
เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด

๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอ ดภัย
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน

๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน

๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน
มองอย่างพินิจจะพบว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดี


7 มหัศจรรย์แห่งชีวิต และ 7 หลักคิด



7 มหัศจรรย์แห่งชีวิต และ 7 หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี

     ช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ ใครที่กำลังเป็นทุกข์ ทั้งทางกายและทางใจ และกำลังมองหาหนทางในการก้าวไปสู่การดับความทรมานใจนั้นๆ ลองปรับทัศนะของชีวิต ด้วยแนวคิดเชิงบวก ข้อคิดดีๆ จาก พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี

     ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์ชื่อดัง ได้ให้ข้อคิดในหลักธรรมแห่งการดำเนินชีวิต ในหนังสือชุด “มหัศจรรย์แห่งชีวิต” ประกอบด้วย ซีดี และหนังสือรวบรวมแนวคิด ซึ่งผู้ฟังและผู้อ่านสามารถนำข้อคิดที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อบรรเทาความทุกข์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ ในสถานการณ์ปัจจุบัน กับภาวะเครียดที่รุมเร้าคนไทย ทั้งวิกฤตการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจ

     สำหรับ 7 หลักคิดในเชิงบวก ที่สามารถหยิบมาเป็นยาชูกำลังใจในยามท้อแท้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยใน 7 หลักคิด มีข้อคิดดีๆ อีก 7 ข้อ เป็นพลังมหัศจรรย์ของ 7x7 ได้แก่

  1. ความคิดดีๆ เป็นที่มาแห่งความสุข แน่นอนว่าเมื่อเรามีความคิดดีๆ โลกก็จะดีตามอย่างที่เราคิด ดังที่ท่านว่าไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า “โลกเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าเราใส่แว่นตาสีอะไรมองโลก หากมองโลกในแง่ดี ชีวิตมีแต่สิ่งรื่นรมย์ หากมองโลกในแง่ร้าย ชีวิตมีแต่ความวุ่นวายและทุกข์ระทม”
  2. ปัญญาดีย่อมมีความสุข คนมีปัญญาย่อมใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาเพื่อให้พ้นทุกข์ ดังนั้น สำหรับคนมีปัญญา วิกฤตอยู่ไหน ปัญญาอยู่นั่น ส่วนคนด้อยปัญญา โอกาสอยู่ไหน วิกฤตอยู่นั่น จงเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา เปลี่ยนอุปสรรคเป็นอุปกรณ์
  3. ชีวิตของคนดีคือชีวิตที่มีความสุข ดังท่านว่า ดอกไม้หอมได้บางดอก แต่มนุษย์หอมได้ทุกคน หากเขาเป็นคนดี กลิ่นดอกไม้แม้หอมขนาดไหน ก็หอมได้แต่ตามลมเท่านั้น ส่วนกลิ่นความดีของคนดีนั้น หอมหวนทวนลม ฟุ้งกระจายไปในทิศทั้งสี่ ดอกไม้ผลิบานแล้วไม่นานก็ร่วงโรย แต่ความดีของคนนั้น สถิตเป็นนิรันดร์เหนือกาลเวลา
  4. ปฏิสัมพันธ์ดีก็มีความสุข ซึ่งเป็นการเลือกคบมิตร โลกนี้มีมิตรอยู่ 3 ประเภทคือ 1. ปาปมิตร เพื่อนชั่ว จงอย่าคบ 2. กัลยาณมิตร เพื่อนดี จงคบ 3. พันธมิตร เพื่อนที่ผูกพันกันด้วยผลประโยชน์ จงระวัง
  5. ทำงานดีก็มีความสุข ท่านว่าไว้ คนจำนวนมากเป็นทุกข์ขณะทำงาน แต่เบิกบานเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ โดยหารู้ไม่ว่า ในหนึ่งสัปดาห์มีเสาร์-อาทิตย์แค่สองวัน จงเป็นสุขขณะทำงาน จงเบิกบานขณะหายใจ
  6. มองโลกในแง่ดี ชีวิตมีความสุข ดังผู้รู้ท่านหนึ่งกล่าวว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันถูกอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด ใครทำความเข้าใจคำกล่าวนี้ได้อย่างลึกซึ้ง คนนั้นจะไม่ทุกข์ และเขาจะไม่หวั่นไหว ในความผันแปรของชีวิต สิ่งใดเกิดขึ้นมาเขาจะอุทานอยู่เสมอว่า “มันเป็นเช่นนั้นเอง”
  7. ครอบครัวดีทวีความสุข ครอบครัวคือพื้นฐานสำคัญของชีวิต บุตรธิดาคืออนุสาวรีย์ของพ่อแม่ หากลูกเป็นคนดี อนุสาวรีย์ของพ่อแม่ก็งดงาม หากลูกเลวทราม อนุสาวรีย์ของพ่อแม่ก็อัปลักษณ์

        เรื่อง ....ว.วชิรเมธี

คิดบวก ( Positive Thinking )



การคิดบวกในสถานการณ์ต่าง ๆ มักทำให้เราเห็นโอกาสที่แฝงอยู่ในวิกฤตเสมอ ทำให้เราสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองได้ทุก ๆ สถานการณ์ ทำให้เกิดความสบายใจ และเป็นสุข เป็นการเปลี่ยนมุมมองความคิดที่ต่างจากคนทั่วไป ตัวอย่างเช่น...

เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ
(perfectionist)

เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย

เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต

เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง

เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความเป็นอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง

เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบที่ว่า
"มารไม่มีบารมีไม่เกิด"

เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"

เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต

เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

“การคิดบวก” เป็นสิ่งที่คนเราสามารถที่จะนำมาปฏิบัติได้ไม่ยากมากนัก แต่สิ่งที่อาจเป็นปัญหาสำหรับหลาย ๆ คน ก็คือ จะทำอย่างไรให้สามารถที่จะคิดบวกได้ทุกขณะที่เกิดปัญหา หรือเหตุการณ์ต่างๆ อันไม่พึงประสงค์ ในชีวิตของเรา เพราะโดยธรรมชาติของคนเราที่ยังฝึกฝนตนเองได้ไม่ดีพอ มักจะคิดไปในทางลบ หรือ ทำลาย มากกว่า ทางบวก หรือ สร้างสรรค์


เรื่อง... ว.วชิรเมธี


ภาพน้ำท่วมประเทศไทยจาก สำนักข่าวต่างประเทศ

Worst Flooding in Decades Swamps Thailand  OCT 12, 2011 | 23        
Heavy monsoon rains have been drenching Southeast Asia since mid-July, causing mudslides and widespread flooding along the Mekong River. Parts of Thailand are now experiencing the worst floods in half a century, as water inundates villages, historic temples, farms, and factories. At least 281 people have been killed in Thailand, and another 200 in neighboring Cambodia. Rescue workers are scrambling to prevent a humanitarian disaster, and Thailand's prime minister is warning businesses not to use the flooding as an excuse to raise prices. About 8.2 million people in 60 of Thailand's 77 provinces have been affected by the flooding, and economic losses are so far estimated to top $2 billion. Collected here are recent images of the crisis in Thailand as some 10 million residents in Bangkok keep a wary eye on the approaching surge of floodwater, due to reach the capital in a few days.


Children play in a flooded street in Sena district, Ayutthaya province, about 80 km (50 miles) north of Bangkok, on September 12, 2011. Monsoon rains, storms, floods and mudslides have killed at least 280 people since July, authorities said. (Reuters/Sukree Sukplang)


 
Rain clouds approach the city center of Thailand's capital Bangkok, on September 23, 2011. (Reuters/Sukree Sukplang)


 Thai motorists travel through a flooded street during a heavy monsoon downpour in Bangkok, on September 3, 2011. Dozens of people have died in northern Thailand over the past few weeks in floods that have also affected over a million people.(Christophe Archambault/AFP/Getty Images)


This aerial picture shows an under-construction temple surrounded by floodwater outside the ancient Thai capital of Ayutthaya, north of Bangkok, on October 11, 2011. (Christophe Archambault/AFP/Getty Images)


 A "reclining Buddha" inundated with floodwaters on October 10, 2011 at an ancient temple -- one of a number of UNESCO World Heritage sites in Ayutthaya province. (Pornchai Kittiwongsakul/AFP/Getty Images)


A Buddhist monk walks through floodwater on a street at a temple in Ayutthaya province, on October 7, 2011.(Reuters/Sukree Sukplang)

 
 Buddhist monks are evacuated on a pickup truck on a flooded street in Ayutthaya province, central Thailand on October 9, 2011.(AP Photo/Apichart Weerawong)



Rattanaporn, 13, floats along the swollen Yom river near her home on August 23, 2011 in Phinchit, Thailand.(Paula Bronstein /Getty Images)


Cars sit submerged in floodwater at a Honda car factory outside the ancient Thai capital of Ayutthaya, north of Bangkok, on October 11, 2011. (Christophe Archambault/AFP/Getty Images)

  
Flooded houses outside Ayutthaya, north of Bangkok, on October 11, 2011. (Christophe Archambault/AFP/Getty Images)

  
A vendor sells her wares in her flooded shop in Ayutthaya province, on September 30, 2011. (Reuters/Sukree Sukplang)

 
A man rests in a shelter after he was evacuated from the flooded area of Ayutthaya province, on October 9, 2011.(Reuters/Chaiwat Subprasom)

 
A railroad track hangs in mid-air after a flash flood caused by heavy rain swept away the ground in Chiang Mai province, northern Thailand, on August 26, 2011. (AP Photo/Wichai Taprieu)

 
Thai emergency workers carry the body of a child from a collapsed building on September 12, 2011 in Saraburi, Thailand.(Paula Bronstein /Getty Images)

 
Flooded Chaiwattanaram Temple, a UNESCO World Heritage site, in the ancient Thai capital of Ayutthaya, north of Bangkok on October 11, 2011. (Christophe Archambault/AFP/Getty Images)

 An elephant helps people moving their belongings through a flooded area in Ayutthaya province, on October 8, 2011.(Reuters/Sukree Sukplang)


 A disabled man waits for assistance to cross a flooded street in the town of Sena, Thailand, on September 13, 2011.(Reuters/Sukree Sukplang)


 Prisoners sit near the flooded Ayutthaya prison as they wait to be evacuated to another jail north of Bangkok, on October 6, 2011.(Reuters/Chaiwat Subprasom)


 A soldier looks through the window of a helicopter over a flooded area in Ayutthaya province, on October 10, 2011.(Reuters/Sukree Sukplang)


 An aerial view of a flooded area in Ayutthaya province, on October 10, 2011. (Reuters/Sukree Sukplang)


A resident in a boat tries to catch relief goods distributed from a helicopter in Ayutthaya province, on October 12, 2011.(Reuters/Sukree Sukplang)

 Residents catch relief goods distributed from a helicopter in Ayutthaya province, on October 12, 2011. (Reuters/Sukree Sukplang)


 An aerial view of a flooded area in Ayutthaya province, on October 12, 2011. (Reuters/Sukree Sukplang)


 Men herd cows through floodwater outside Ayutthaya, north of Bangkok, on October 11, 2011.(Christophe Archambault/AFP/Getty Images)


 Villagers ride on a pickup truck past a broken flood barrier in Pathumthani province, central Thailand Tuesday, on October 11, 2011.(AP Photo)


 A Thai soldier carries a Buddhist monk evacuated from a hospital as floods continue to inundate Ayutthaya province, north of the capital Bangkok, on October 10, 2011. (Pornchai Kittiwongsakul/AFP/Getty Images)


 A dog stands on a car inundated with floodwater in Ayutthaya, Thailand, on October 12, 2011.(Pornchai Kittiwongsakul/AFP/Getty Images)


 Part of a flooded ancient temple in Ayutthaya province, on October 10, 2011. (Pornchai Kittiwongsakul/AFP/Getty Images)


 Children swim near houses affected by flooding in Phnom Penh, Cambodia, on September 26, 2011. The death toll from flooding in Thailand since mid-July has risen to more than 280, while some 200 people have died in neighboring Cambodia, authorities in the two countries said.(Reuters/Samrang Pring)

A man rides a motorbike through flooded streets in Ayutthaya province, on October 7, 2011. (Reuters/Sukree Sukplang)

 
 A man signals for help from a roof of a submerged house in the flooded area of Ayutthaya province, on October 9, 2011.(Reuters/Chaiwat Subprasom)


 Family members watch TV lifted onto a cabinet to avoid floodwater at their home in Bangkok, Thailand, on October 3, 2011.(AP Photo/Sakchai Lalit)


A traffic policeman gestures to a car as he directs traffic along a flooded street in Nonthaburi province on the outskirts of Bangkok, on October 12, 2011. (Reuters/Chaiwat Subprasom)

 Thailand's Prime Minister Yingluck Shinawatra (front right) greets people as she visits a flooded area in Nonthaburi province on the outskirts of Bangkok September 18, 2011. (Reuters/Sukree Sukplang)


 A Thai man smokes a cigarette as he sits in the flooded streets on October 10, 2011 in Ayutthaya, Thailand.(Paula Bronstein /Getty Images)


 A Thai Buddhist monk sits with local residents as they cross floodwaters by boat in Ayutthaya, Thailand, on October 12, 2011.(Pornchai Kittiwongsakul/AFP/Getty Images)


An aerial view of a flooded area along a river in Nonthaburi province, Thailand, on October 12, 2011. (Reuters/Sukree Sukplang)