วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา...จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว



“ ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา...จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ ”
ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก : วอร์เรน บัพเฟตต์ ( Warren Buffet)

มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31,000 ล้านดอลล่าร์ ( เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท )

นี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา :
  1. เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!
  2. เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์
  3. เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม
  4. เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน
  5. เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  6. บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ
  7. เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ ... กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย ... กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1
  8. เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์
  9. บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์
  10. วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
  11. เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า :
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง................
  • มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม 1 มื้อ เท่ากัน
  • มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
  • มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
  • มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

แค่ไหนถึงจะเรียกว่า "รัก"



"ในบรรดาคำอธิบายเรื่องความรักนั้น ข้าพเจ้ายังไม่พบคำอธิบายของใครได้ดีเท่ากับของ Mr. Descartes นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งได้วางหลักไว้อย่างชัดแจ้งว่า ความรักคืออะไร เพียงไหนจึงจะเรียกว่าความรัก
เดสการ์ด ได้วางหลักเรื่องความรักไว้ว่า.......

การที่เราชอบคนใดคนหนึ่ง เรายังไม่ควรใช้คำว่า "รัก" ทันที เพราะยังมีอีกหลายชั้นกว่าจะถึงความรัก และที่เราจะรู้ว่าชั้นไหนจึงจะถึงเขตต์ความรักนั้น เราต้องเทียบกับตัวเราเอง

สมมตว่า เราชอบคนๆหนึ่ง แต่เรายังชอบน้อยกว่าตัวเอง เรายินดีที่จะทำประโยชน์ให้แก่คนนั้น แต่เรายังไม่ยอมเสียประโยชน์ของเรา ดั่งนี้ไม่ใช่ความรัก เป็นแต่เราชอบพอ ซึ่งนับว่าเป็นขั้นต้นหรือชั้นต่ำที่สุด

คราวนี้สมมตว่า เราชอบคนๆหนึ่ง เราชอบเท่ากับตัวเราเอง เรายินดีที่จะให้ความสุขแก่คนๆนั้นเท่ากับตัวเราเอง เรายินดีที่จะรักษาผลประโยชน์ของคนๆนั้น เท่ากับประโยชน์ของตัวเราเองดังนี้ ก็ยังมิใช่ความรัก เป็นแต่เพียงความเป็นมิตรหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "มิตรภาพ" หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า " Friendship" และฝรั่งเศสเรียกว่า "Amitie" เป็นขั้นที่สองคือสูงขึ้นมาหน่อย

คราวนี้สมมตว่า เราชอบใครคนหนึ่ง ซึ่งเราชอบยิ่งกว่าตัวเราเองและเรายินดีที่จะสละประโยชน์ส่วนตัวเราเพื่อประโยชน์แก่คนๆนั้น เรายินดีรับทุกข์เสียเองเพื่อให้คนนั้นได้รับความสุข เรายินดีสละชีวิตของเราเองเพื่อความเป็นอยู่ของคนนั้น รวมใจความว่า เราชอบคนๆนั้นมากกว่าตัวเราเอง เช่นนี้แหละจึงจะเรียกว่า "รัก"

รวมใจความว่า... การที่เราชอบใครคนหนึ่งมากว่าตัวเราเอง จึงจะเรียกว่ารักได้ ถ้าเรายังชอบน้อยกว่าตัวเราเอง หรือเท่ากับตัวเรานั้น จะเรียกว่ารักไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น หากใครที่ร้องว่ารักชาติ.... ถ้ายังไม่พร้อมที่จะสละสรรพสิ่งทั้งหลาย รวมทั้งชีวิตส่วนตัวให้แก่ชาติแล้ว จะเรียกว่ารักชาติไม่ได้เลยเป็นอันขาด ....

พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ...

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

น้ำที่ไม่เคยเต็มแก้ว...




















เรามักถูกสอนให้มองด้านดีว่า แก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วนั้น
มีน้ำเหลือตั้งครึ่งแก้วมากกว่าที่จะมองว่าน้ำหายไปครึ่งแก้ว
แต่จะมองด้านไหนก็ตามก็ทำให้เราคิดว่าแก้วยังขาดพร่อง
ยังต้องหาน้ำมาเติมให้เต็ม

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราจะรู้สึกว่า เรายังมีไม่พอ ต้องมีนั่น
มีนี่เสียก่อนแล้วเราจะอิ่มจะเต็ม สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยถูกสอนก็คือ
ไม่ว่าเราจะพัฒนาความสามารถ ในการหาเงิน หาของ
หาความรักให้ได้มากสักเท่าไหร่ก็ตาม น้ำในแก้วไม่มีวันเต็ม
เพราะความอยากในใจเราไม่เคยหยุด แก้วของเราก็จะโตขึ้น
ไปเรื่อยๆ ไม่เคยพอ

เมื่อก่อนที่เราคิดว่า ถ้าเรามีเงินล้าน เราจะมีความสุข
พอเรามีเข้าจริงๆปริมาณความต้องการ มาตรฐานการครองชีพ
ความเป็นอยู่ของเราก็โตรุดหน้าไป จนเราต้องหาเพิ่มตลอดเวลา
ซึ่งอย่าว่าแต่คนมีเงิน 10 ล้าน 100 ล้านขนาดคนที่มีเป็นหมื่นล้าน
ยังหาเงินอย่างไม่รู้จักอิ่มรู้จักพอ รวมทั้งคนที่เรารักหนักหนา
ยากลำบากกว่าจะได้มา พออยู่กันไปนานๆ  ใจเราก็เรียกร้อง
มากขึ้นๆ เห็นจุดอ่อนข้อบกพร่อง ไม่อิ่ม ไม่เต็มได้ตลอดเวลา
แก้วน้ำหรือความอยากในใจเราไม่เคยหยุดโตหาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม...

เคล็ดลับของความสุขก็คือ เราพยายามอย่างเต็มที่ในการหาเงิน
หาความรัก เหมือนหาน้ำมาใส่แก้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ
เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับขนาดของแก้วให้พอดีกับน้ำ
ให้ใจเราสามารถที่จะมีความสุขสงบพอใจกับขณะนี้ เดี๋ยวนี้
โดยไม่ต้องรออนาคต***

ถ้าเรามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว แต่เราสามารถลดขนาดของแก้วน้ำลง
จนเหลือเพียง 1 ใน 4 น้ำที่มีครึ่งแก้ว ก็จะล้นมีเกินอยู่อีกเท่าตัว
มีเกินพอสำหรับเรา และ พอที่จะแบ่งให้คนอื่นเมื่อเราเต็ม
เราก็ไม่ต้องไปวิ่งหาน้ำมาเติมอีก มีเวลาเหลือเฟือให้คนที่เรารัก
ให้กับสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเราอย่างแท้จริง

การลดขนาดของแก้วน้ำก็คือ การที่เราหมั่นตามรู้ ตามดูจิตใจ
ความรู้สึก ความคิดของเราแต่และขณะที่เรารู้ทัน ใจเราที่อยากได้
อยากให้คนอื่นคิดให้ถูกใจเรา ทุกขณะที่เรารู้ทัน ความอยากทำงาน
ไม่ได้ เราก็ได้ลดขนาดของแก้วลงทุกขณะที่เรามีความรู้สึกตัว
ชีวิตเราก็จะเป็นแก้วที่อิ่มเต็มพอดี พอเพียงมีความสุขมั่งคง...

อย่าลืมบอกเค้า..


“Time goes by so fast, people go in and out of your life. You must never miss the opportunity to tell these people how much they mean to you.”
"เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีคนมากมายผ่านเข้ามาและจากไปในชีวิตของเรา  ดังนั้นอย่าลืมบอกให้เขารู้ว่า เขามีความหมายกับคุณมากแค่ไหน ก่อนที่เขาจะเป็นอีกคนที่หายไปจากชีวิตของคุณ"
Oil Chayanin...

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

ธรรมะสั้นๆ 10 ข้อ


















ธรรมะสั้นๆ 10 ข้อ

  1. ศีลไม่ได้อยู่ที่พระ ธรรมะไม่ได้อยู่ที่วัด เงินไม่ได้อยู่ที่เศรษฐี แต่ศีลอยู่ที่กายใจของเรา ธรรมะอยู่ที่สติ และเงินอยู่ทุกที่ที่มีความขยัน
  2. โลกเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่า เราใส่แว่นตาสีอะไรมองโลก หากมองโลกดี ชีวิตจะมีแต่สิ่งรื่นรมย์ หากมองโลกร้าย ชีวิตจะมีแต่วุ่นวายและทุกข์ระทม
  3. จงดึงเอาความรู้สึกผิดที่เรามี มาเป็นแรงบันดาลใจให้ทำดียิ่งๆ ขึ้น อย่าจมอยู่กับอดีต มีแต่การสร้างตัวเองใหม่เท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากความรู้สึกผิด
  4. ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับความมี แต่อยู่ที่เราค้นพบว่า อะไรคือแก่นแท้ของชีวิต แล้วอยู่กับสิ่งนั้นด้วยความรัก คนนั้นก็คือคนมีความสุข
  5. ยามใดที่ชีวิตพบกับความทุกข์ หากไม่มัวแต่เป็นทุกข์ ทว่าเรียนรู้ที่จะมองดูความทุกข์อย่างมีสติ อย่างแยบคาย* อย่างเป็นผู้ดู* ไม่ได้เป็นผู้เป็น* ความทุกข์ก็จะทอประกายแห่งความสุขออกมาให้เห็น
  6. ในเมื่อไม่มีสิ่งที่เราชอบ เราก็ควรชอบสิ่งที่เรามี เพราะในโลกนี้ไม่มีใครได้ทุกสิ่งอย่างใจหวัง และจะไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำ มีแง่ดีแง่งามอยู่เสมอ ขอให้เรามองให้เห็น ถ้ามองเห็น เราก็จะเป็นสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
  7. ในโลกแห่งความเป็นจริง คนทุกคนก็เป็นครูได้ คนเก่ง ไม่เก่ง ฉลาดรู้หนังสือ ไม่รู้หนังสือ ยากดีมีจน สัตว์ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เหตุการณ์ ดิน ฟ้า อากาศ ความผิดหวัง ความสมหวัง ความรัก ความชัง ฯลฯ เหล่านี้ คือ ครูในมหาวิทยาลัยชีวิต ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ ศึกษากันไปอย่างไม่มีวันจบ
  8. อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง เพราะไม่เพียงแต่ มันจะทำให้เราเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของเราด้วย
  9. เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ควรทุกข์ แต่พอเราไม่ยอมปล่อยวาง ทุกข์ก็รุกคืบเข้ามา เรื่องบางเรื่องใครต่อใครก็เห็นอยู่ว่า ทุกข์หนักหนาสาหัส แต่สำหรับคนที่ปล่อยวางเป็น ก็เป็นสุข คือ ความสุขหรือความทุกข์ บางครั้งอยู่ที่ “ท่าที” ในการเผชิญของเราเป็นสำคัญ ถ้า “รู้เท่าทัน” สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีสติ ทุกข์อาจกลายเป็นสุข, ปัญหาอาจกลายเป็นปัญญา, วิกฤติอาจถูกแปรเป็นโอกาส
  10. ความล้มเหลวเป็นส่วนผสมของชีวิตซึ่งขาดไม่ได้ คนที่ไม่เคยล้มเหลวคือคนที่ไม่เคยทำอะไร ด้วยข้อเท็จจริงเช่นนี้ คนที่กำลังคิดการใหญ่ทุกคนจึงมองความล้มเหลวด้วยสายตาที่เป็นบวก เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่า ความล้มเหลวเป็นฝาแฝดกับความสำเร็จ
  *** "แยบคาย" หมายถึง  เข้าท่า เข้าที เหมาะกับเหตุผล
  *** "ผู้ดู ผู้เป็น" http://www.dhammajak.net/book-kumkein/3.html

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประโยคเด็ด โดนใจ... จากคลับฟรายเดย์

















ประโยคเด็ด โดนใจ... จากคลับฟรายเดย์

1. คนที่พยายามเข้มแข็งทั้งที่ยังอ่อนแอ มักจะได้แผลที่ใหญ่กว่าเดิม
2. อยู่กับความจริง ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเห็น อย่ามองแค่สิ่งที่เราอยากมอง อย่าฟังแต่สิ่งที่เราอยากฟัง
3. จบแบบเจ็บ ๆ ดีกว่า เจ็บแบบไม่มีวันจบ
4. ก่อนจะมีรัก ให้เชี่ยวชาญการเป็นโสดเสียก่อน..
5. ไม่รักก็อย่ากั๊กไว้ ... ถ้าไม่ใส่ใจก็อย่าให้ความหวัง
6. หลาย ๆ ครั้ง เรามองข้ามคนใกล้ ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ...!!!... เค้าหายไป ถึงได้รู้ว่า ที่ผ่านมาเราน่าอิจฉาแค่ไหน..ที่ได้หัวใจเค้ามา...
7. บางครั้งเราเลือกจำ และฟังในสิ่งที่เราอยากให้เป็น
8. บางสิ่งมีค่าพอให้หยุดมอง แต่ไม่มีค่าพอให้ย้อนเดินกลับไป
9. ความรักไม่ใช่ถั่วงอก ... ที่เพาะไม่กี่วันก็กินได้..
10. ได้ยินคำเลว ๆ จากคนที่รัก ดีกว่าได้ยินคำว่ารักจากคนเลว ๆ
11. อยากได้แต่ไม่กล้าขอ อยากรอแต่ไม่กล้าหวัง ...ไม่มีใครไม่เคยเป็น..
12. บางคนขาดเค้าก็กลัวเหงา ลืมดูไปว่าบ่อยครั้งอยู่ใกล้เค้ากลับเหงากว่า..
13. ความรักไม่ใช่รางวัลของความดี อย่าคิดว่าหนูทำดีต่อเค้าตลอดแต่ทำไมเค้าไม่รัก เพราะคนดีกับคนที่รักอาจเป็นคนละคน
14. เราเข้าใจผิดว่าเลิกทั้งที่ยังรักกัน จริง ๆ อาจมีแต่ฉันที่รักเธอข้างเดียว
15. เจอฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน ไม่นานมันก็ต้องผ่านไป แต่ฤดูอกหัก คิดถึงทีไร แย่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
16. บางสถานการณ์ ความอดทนอาจจะให้ผลตรงกันข้าม ยิ่งอดทน ยิ่งแพ้หรือเปล่า ไม่ทนเสียบ้าง บางทีชีวิตอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่
17. คนบางคนก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าจะเห็นแก่เรา อย่ามัวถามว่าทำไมต้องใจร้ายกับเราในวันที่เค้าอยากไปกับคนอื่นแล้ว
18. มีบางคนบอกว่า ชีวิตนี้ไม่บอกเลิกใคร...ฟังดูดี....แต่การไม่บอกเลิกใคร เขาแค่ไม่พูด แต่เขา ทำ ..
19. สุขทุกข์ต่างกันที่วิธีคิด แค่อย่าไปยึดติดอยู่กับความรู้สึก
20. การถอนหายใจ ไม่ได้แปลว่าหมดกำลังใจ แต่มันหมายถึงการพ่นเอาความเศร้าเล็ก ๆ ออกจากความคิด..
21. ถ้าคุณเจอคนที่รู้สึกว่า "ใช่" อย่าเพิ่งรีบใส่คำว่า "รัก"
22. บางคนอยู่สวย ๆ บนหิ้ง เค้าไม่ทิ้งแต่ก็ไม่ดูแล....
23. คนไหนเป็นของเรา จะเหวี่ยงกันไปไกลแค่ไหนก็เป็นของเรา แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้พยายามแทบตาย ก็ไม่ได้ใกล้กันซักที
24. ความรู้สึกดี ๆ ที่มอบให้ ถ้าเขาไม่อยากได้ ,, ก็เอามาใช้เองสิ จะไปยากอะไร
25. บางคู่สมกันจริง ๆ คนหนึ่งทำร้ายจิตใจอยู่นั่น อีกคนให้อภัยอยู่นั่น
26. อะไรอยู่ใกล้ไปดูไม่สำคัญ ตัวเราอยู่กับเราตั้งแต่เกิดกลับให้คุณค่าคนอื่นมากกว่าจนมองข้ามตัวเอง
27. "เหตุการณ์" ไม่ได้ซ้ำเติมเรา แต่ "วิธีคิดของเรา" ซ้ำเติมตัวเอง..
28. องค์ประกอบหนึ่งของความรักคือความใส่ใจ ถ้าส่วนนี้หายไปยังจะเรียกว่า "รัก" อยู่หรือเปล่า??
29. เป็นแฟนไม่ได้...บางทีก็ยากทำใจจะให้เป็นเพื่อน เธอคงหาว่าฉันใจแคบ ...เอ้าาา แคบ ก็ แคบ ถ้าไม่แคบจะมีเธอยู่ในนั้นได้เพียงคนเดียวหรือ???
30. เธอเคยฝืนใจรับใบปลิวที่แจกตามหน้าห้างสรรพสินค้า เพราะเกรงใจคนแจกมัน และบางทีอาจมีคนรับความรักของเธอไป เพราะเหตุผลอย่างเดียวกัน สุดท้าย...เขาก็ทิ้งมัน เหมือนกับที่เธอทิ้งใบปลิวนั่นแหละ
31. บางที มันเป็นเส้นบาง ๆ ระหว่าง "เจ้ากรรมนายเวร" กับ "สามี"
32. บางทีการที่มีคน ๆ หนึ่งบอกเราว่า "เคยรักนะ แต่วันนี้ไม่รักอีกแล้ว" มันยังเข้าใจได้มากกว่า ที่จะบอกว่า "เธอดีเกินไป" / "ฉันอยากอยู่คนเดียว"...ทำไม รู้สึกตัวตอนนี้หละ ทีตอนนั้น ไม่เห็นอยากอยู่คนเดียวเลย..
33. การคบใครที่ดีที่สุดให้ชีวิตไม่ได้แปลว่าคบหลายๆคน แล้วค่อยเลือกให้เหลือคนเดียว เพราะถ้าเกิดเราโดนทำแบบนี้บ้างเราคงไม่ชอบเหมือนกัน
34. คนสองคนไม่ต้องรักมาก ขออย่าเข้าใจกันยากก็พอ..
35. คำ..."อธิบาย"ชอบเอามาใช้ในวันที่ไร้ประโยชน์

คำ..."ขอโทษ" ชอบเอามาใช้ในวันที่....สาย
คำว่า..."รัก "ชอบเอามาพูดกั๊ก...ตอนมัน"เสียดาย"
และคำพูด....อีกมากมาย ที่เอามาล่อให้กลับไป อยู่ในคอกควายเช่นเดิม!!

ที่มา : www.pantip.com/cafe/woman/